...เมื่อ ปี 2550 ผมได้รอชมบั้งไฟพญานาค ที่บริเวณหน้าวัดไทย อ.โพนพิสัย แต่ผิดหวัง
ชาวบ้านว่า ปี 2550 เป็นปี แปดสองหน บั้งไฟจะเกิดในวันถัดมา
...แต่ในปีนั้นวันนั้นเอง ที่ กิ่ง อ.รัตนวาปี ก็ได้รับรายงานว่าเกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นหลายลูก
...หลังจากผิดหวังในปี 2550 ในปี 2551(14 ต.ค.51) ก็ไปดูอีก
โดยคราวนี้ ไปดูที่บ้านท่าม่วง ต.ท่าม่วง กิ่ง อ.รัตนวาปี
ออกเดินทางไปถึงหนองคายตั้งแต่เช้า แวะเที่ยวตลาดอินโดจีน ท่าเสด็จ
...จากนั้น ไหว้หลวงพ่อพระใส และทำบุญ ที่วัดโพธิ์ชัย
...ออกจากวัดโพธิ์ชัย มุ่งหน้าไปยัง อ.โพนพิสัย ไม่ได้แวะเที่ยว ศาลาแก้วกู่ เพราะปี 2550
ได้แวะเที่ยว และเก็บภาพไว้เยอะแล้ว
...แวะทานก๋วยเตี๊ยวที่ อ.โพนพิสัย และตัดสินใจที่จะเดินทางต่อไปยังบ้านท่าม่วง กิ่ง อ.รัตนวาปี
...ที่บ้านท่าม่วง ในปี 2551 นี้ ตามริมทาง ได้พบธงรับเสด็จ 2 พระองค์
จากการสอบถามจึงได้ทราบว่า ปีนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จทอดพระเนตร บั้งไฟพญานาค ที่บ้านท่าม่วง แห่งนี้
มีการจัดที่ประทับ และตำรวจทหารมาคอยรักษาความปลอดภัย และดูแลความสงบ
ผมเดินทางไปถึงริมโขง บ้านท่าม่วง ตั้งแต่บ่าย คนก็เริ่มทยอยมากันแยะแล้ว
ภาพนี้ แฟนผมไม่รู้ไปซื้อไรมา ถามดู บอกว่าแปลกดี ลองกินดู ...หมากอะไรก็ไม่รู้ครับ
...พากันปูเสื่อนั่งจองที่ครับ กลัวคนเยอะไม่มีที่นั่งดู ร้อนก็ร้อนครับ แต่พยายามจองที่ไว้ก่อน
แต่พอถึงเวลาจริงๆ เค้าไปนั่งดูกันอยู่ตลิ่งริมน้ำโขงครับ บริเวณทางเดินข้างบนเค้าไม่นั่งกัน
...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าไปถึงเร็ว ก็หาที่ร่มๆ จะไปพักหลบแดดที่ไหนก่อนก็หาได้ตามสบายเลย
พอเวลา ใกล้ค่ำแล้วค่อยไปที่ตลิ่งริมน้ำโขง
ผู้คนมากมายมารอชม
เวลาแห่งการรอคอยใกล้เข้ามา
พระอาทิตย์ยามเย็น ที่ฝั่งลาว
....เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ก็มีบั้งไฟพญานาค ขึ้นมาให้ชม ประทับใจมากๆ ...เมื่อเด็กก็เคยดูครับ แต่เป็นความทรงจำลางๆ
การได้กลับมาเห็นใหม่ เป็นความประทับใจสุดซึ้ง ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร เอาเป็นว่าประทับใจสุดๆ
อันที่จริง ตามมา 2 ปีแล้วครับ ปีนี้ปีที่ 3 หมายความว่า ตั้งแต่ผมอายุ 30ต้นๆนี่ ผมก็อยากเห็นบั้งไฟพญานาค เพราะ
ความทรงจำตอนเด็กมันไม่แจ่มเท่าไหร่
...ใน ปี 2549 นี่ นึกงัยไม่รู้ อยากดูก็ขับรถมาเลย กว่าจะมาถึงก็เกือบเที่ยงคืนครับ ไม่มีอะไรให้ดูแล้วครับ เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว
เช้ามาจึงข้ามไปท่องเที่ยวเวียงจันทน์ที่ประเทศลาว
...ในปี 2550 เป็นปีแปดสองหน ปีนี้ ก็มารอชมบั้งไฟพญานาคที่ หน้าวัดไทย อ.โพนพิสัย ผิดหวังครับ ไม่เห็นเลย
ชาวบ้านบอก อาจจะขึ้นวันถัดไป เพราะปีนี้แปดสองหน แต่ผมก็ไม่ได้รอดูครับ ไม่เห็นก็ขับรถกลับบ้าน ในปี 2550 นี้
ถามคนรู้จัก ที่ไปดูในปีนี้เหมือนกัน เค้าบอกว่า ไปดูที่ห้วยน้ำเป กิ่ง อ.รัตนวาปี ขึ้นเยอะมาก
...ในปี 2551 เอาล่ะ ตัดสินใจ ต้องเห็นให้ได้ ไปดูอีกครั้งครับ ก็มาดูที่บ้านท่าม่วง ที่กำลังเล่านี่แหละครับ
...การได้เห็นด้วยตาเปล่า เป็นภาพติดในใจที่สวยงามมาก เกินบรรยายครับ พุ่งขึ้นจากน้ำ ต่อหน้าต่อตา บางลูกห่างไม่กี่เมตร
บางลูกขึ้นกลางแม่น้ำ บางลูกขึ้นเฉียงไปยัง ที่ประทับของ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯและพระองค์ภา
...บางลูกขึ้นใกล้ฝั่งลาว ที่ฝั่งลาวก็มีผู้มารอชมเหมือนกันครับ มีงาน มีแสงสีเสียงที่ฝั่งลาว ถ้าได้ดูรายการบางอ้อ
ซึ่งใน blog แห่งนี้ ก็หาข้อมูลรายการบางอ้อมาให้ชม ก็จะพบว่า ชาวลาว ก็รอชมบั้งไฟพญานาคเหมือนกันครับ
...ขึ้นมาเป็นลูกสีชมพูอมแดง สวยงามมาก ความเร็วคงที่ ไม่มีเสียง ไม่มีควัน ขึ้นสูงจากน้ำมาก ผิดแปลกจากพลุทั่วๆไป
อย่างเห็นได้ชัดเจน จึงไม่แปลกเลย ที่ทุกครั้งที่บั้งไฟพญานาคขึ้นจากน้ำ จะมีเสียงเห อย่างไม่ได้นัดหมาย ถึงขนาด
เป็นการออกอาการดีใจแบบลืมตัวเลยก็มีครับ
...ผมพยายามที่จะถ่ายรูป แต่ถ่ายยากมากๆ จะถ่ายวิดีโอก็ถ่ายไม่ทัน เอาเป็นว่า ให้ชม ภาพวิดีโอจากผู้ที่ถ่ายได้นะครับ
เป็นบั้งไฟพญานาคปี 2551 ครับ ปีเดียวกับที่ผมไปดูนี่แหละ
คลิปนี้ ไม่ได้ระบุว่าถ่ายได้ที่ไหน
คลิปนี้ ถ่าย คืนวันที่ 14 ตุลาคม 2551 ณ วัดไท อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
ดูรวมคลิปต่างๆได้ที่ http://bungfai-phayanak.blogspot.com/2009/09/2551.html
จะอย่างไรก็แล้วแต่ ถ่ายมายังงัย ความสวยสดงดงาม ไม่ได้ครึ่งนึงของการได้เห็นด้วยตาเปล่าครับ ขอยืนยัน
...หลังจากได้เห็นบั้งไฟพญานาคเกือบ 20 ลูกที่บ้านท่าม่วงแล้ว ระยะเวลาช่วงประมาณ 1 ทุ่ม - 3 ทุ่ม จากนั้น ก็ไม่มีขึ้นมาอีก
คนก็เริ่มทยอยเดินทางกลับ รถจะติดมากๆ ถ้าเป็นไปได้ก็นอนรอให้คนทยอยกลับเยอะๆก่อนนะครับ
...จบการเล่าเรื่องครับ สำหรับผู้ที่นอนพักอยู่หนองคาย เช้ามาก็อย่าลืมแวะเที่ยวตามที่ต่างๆนะครับ หรือจะข้ามไปฝั่งลาวก็ได้
ใช้บัตรประชาชนในการทำบัตรผ่านแดนครับ ประมาณ 100 บาท ที่ฝั่งลาว มีบริการเที่ยวตามที่ต่างๆในเวียงจันทน์
เป็นการเหมารถตู้ พาเที่ยว 5 ที่ในเวียงจันทน์ ล่าสุด ราคาน่าจะประมาณ 1000-1300 บาท นั่งได้ 8-9 ที่นั่งครับ
ถ้าไปหลายคนก็ช่วยกันหาร ตกกันคนละไม่กี่ร้อยครับ
...รายละเอียดการท่องเที่ยวลาวที่ผมทำไว้ดูได้ที่ http://laos-tours.blogspot.com
...สำหรับการนำรถข้ามไปลาว ต้องทำหลักฐานยุ่งยากครับ รถที่มีสติ๊กเกอร์ ตัว T ติดหลังรถนั้นแหละครับ
ถ้าไปถึงแถวหนองคายจะพบเห็นเยอะ
เอกสารที่ใช้เข้า-ออกประเทศ
1.หนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ (เล่มสีม่วง)
2.ใบขับขี่รถยนต์รุ่นใหม่ (Driving License)
3.เล่มทะเบียนรถตัวจริง
4.พาสปอร์ตที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
5.หนังสือยินยอม (กรณีรถติดไฟแน็นซ์)
6.ป้ายทะเบียนรถภาษาอังกฤษ
7.สติกเกอร์ตัว T สำหรับติดกระจกหน้าหลัง
รายละเอียดลองอ่านจากกระทู้นี้ดูนะครับ http://www.vitara4x4.com/webboard/show.php?Category=carpark&No=5282
...ในความเห็นของผมแล้ว ไม่ควรนำรถข้ามไปครับ จะมีค่านำรถข้ามอีกด้วย และเรื่องสำคัญ ประเทศลาว จะขับรถคนละด้าน
กับไทยครับ ถ้าข้ามไป จะสับสนและเกิดอุบัติเหตุได้ แล้วจะยิ่งซวยไปกันใหญ่
...และอีกอย่างนึง เอารถข้ามไปแล้วจะไปขับเที่ยวไหนล่ะ ??? ถ้าอยากเที่ยวจริงๆ ก็เหมารถตู้ฝั่งลาวนั่นแหละครับ
มีแต่คันสวยๆทั้งนั้น ให้เค้าพาเที่ยว ...รถบ้านเค้าสวยจริงๆครับ เดี๋ยวนี้ที่ไหนๆในโลก ในตัวเมืองก็มีความเจริญทั้งนั้นครับ
แต่รายการทีวี เวลานำเสนอ มักเป็นประเด็นตามชุมชน ตามหมู่บ้าน ก็เลยอาจจะเจอแต่ความล่าสมัย แต่ถ้าคุณได้เห็นเวียงจันทน์
ในปัจจุบัน จะพบว่าทันสมัยไม่แพ้จังหวัดใหญ่ๆในประเทศไทยเลยเชียว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
...สำหรับสะพานมิตรภาพไทยลาว ที่ จ.หนองคาย ถ้าออกจากตัวเมืองหนองคายจะเลี้ยวขวานะครับ ไปไม่กี่ กม.ก็ถึงแล้ว
Posted by
Wine
0 comments:
Post a Comment