แผนที่ จ.หนองคาย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
...จากแผนที่ จ.หนองคาย การเดินทางมาจังหวัดหนองคาย ไม่ใช่เรื่องยากนะครับ
มาเส้นทาง ถ.มิตรภาพ ทางหลวงหมายเลข 2 ยาวมาเลย ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ผ่าน นครราชสีมา ขอนแก่น อุดร แล้วก็ หนองคาย
...สำหรับบริเวณที่นิยมเที่ยวชมบั้งไฟพญานาค จะอยู่ในช่วง อ.โพนพิสัย ไปจนถึง อ.บึงกาฬ
(สำหรับ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ และ อ.เมือง ก็มีจุดดูบั้งไฟพญานาค แต่ไม่เป็นที่นิยม)
...ควรไปถึง อ.เมืองหนองคาย ตั้งแต่ช่วงเช้านะครับ จะได้แวะเที่ยวตามที่ต่างๆได้ และ เพื่อหลีกเลี่ยง
การเจอปัญหารถติด เพราะถ้าช่วงบ่ายแล้ว รถจะติดมากๆๆๆ จนอาจทำให้ท่าน พลาดชมปรากฏการณ์
บั้งไฟพญานาคที่ 1 ปี มีเพียงครั้งเดียว
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่น่าสนใจ ใน อ.เมืองหนองคาย !!!
เมื่อไปถึง อ.เมืองหนองคายแล้ว แวะเที่ยวท่าเสด็จ ได้เลย เป็นตลาดอินโดจีนขายสินค้าต่างๆ
จากท่าเสด็จ มองเห็นริมฝั่งโขง นิยมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
และบริเวณริมฝั่งโขง ไม่ไกลกันนัก ที่วัดหายโศก จะมีศาลเจ้าแม่สองนาง ซึ่งศาลเจ้าแม่สองนาง
จะพบตามอำเภอต่างๆริมฝั่งโขง เช่น อ.เมือง อ.โพนพิสัย อ.บึงกาฬ เป็นศาลบูชาเจ้าแม่แห่งสายน้ำ
คุ้มครองชาวฝั่งโขงที่ทำอาชีพในแม่น้ำโขง ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นการบูชาพญานาค 2 ตน
...สำหรับศาลเจ้าแม่สองนาง วัดหายโศก ริมฝั่งน้ำโขง ใน อ.เมืองหนองคาย ตามตำนานเล่าว่า
เป็นธิดา กษัตริย์ล้านช้าง ได้อพยพหนีภัยสงคราม เมื่อมาถึงหน้าวัดหายโศก ได้เกิดคลื่นน้ำวนขนาดใหญ่
ทำให้เรือจมน้ำ ชาวบ้านจึงสร้างศาลแห่งนี้ ให้เป็นที่สถิตย์ดวงวิญญาณ เพื่อปกป้องคุ้มครอง ผู้คนที่เดินทาง
ทางแม่น้ำโขง
...บริเวณศาลเจ้าแม่สองนาง วัดหายโศก มีท่าน้ำ ในวันลอยกระทง มีบริการ นั่งเรือไปลอยกระทงกลางลำน้ำโขงอีกด้วย
ค่าบริการนั่งเรือ คนละ 10 บาท
(ในเทศกาลแข่งเรือยาว ไทย-ลาว ก็เพื่อเป็นการบวงสรวง เจ้าแม่สองนาง)
(สำหรับการลอยกระทงกลางแม่น้ำโขง มีอีกที่ที่น่าสนใจคือ ลอยกระทงสักการะพระธาตุกลางน้ำ รายละเอียด
สามารถดูได้ที่ http://loykrathong-unseen.blogspot.com )
...ในตัวเมืองหนองคาย ยังมี หลวงพ่อพระใส พระสุก ที่ควรไปสักการะกราบไหว้ยิ่งนัก
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ โบราณ
มีประวัติเล่าสืบต่อกันมา ในปี พ.ศ.2105 ในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช อาณาจักรล้านช้าง(กษัตริย์เจ้าชีวิตชาวลาว)
มีพระธิดา 3 พระองค์ คือ พระราชธิดาเสริม พระราชธิดาสุก พระราชธิดาใส ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ขอพระราชบิดา
สร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์
...โดยมีพระ ชาวบ้านและช่างได้มาร่วมสร้างมากมาย การหลอมทองยากลำบาก ใช้เวลาหลอมถึง 7 วัน 7 คืน ทองไม่ละลาย
เข้าสู่วันที่ 8 ขณะที่หลวงตากับเณร พยายามหลอมทอง ก็มีชีปะขาวคนหนึ่ง อาสามาช่วย
...ขณะนั้นหลวงตาและเณรได้ขึ้นไปฉันท์เพล ชาวบ้านได้มองเห็นชีปะขาว มากมาย ช่วยกันเททองหล่อพระพุทธรูป ขณะที่หลวงตา
มองเห็นชีปะขาวเพียงคนเดียว
...และเมื่อหลวงตาฉันท์เสร็จ ก็พบว่า ทองทั้งหมด ได้เทลงในเป้าหล่อทั้ง 3 แล้ว และชีปะขาว ก็ได้หายไป
ชาวบ้านเชื่อว่า ชีปะขาวคือเหล่าพญานาค มาช่วยหล่อพระพุทธรูป
...เมื่อพุทธศักราช 2321 ในรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้เกิดสงครามระหว่างกรุงธนบุรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ยังทรงดำรงพระยศเป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ทรงเป็นจอมทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ เมืองเวียงจันทน์เกิดยุคเข็ญขึ้น พระเจ้าธรรมเทวงษ์จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ มาไว้ที่วัดโพนชัยเมืองเวียงจันทน์อีก
ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองเวียงจันทน์เกิดกบฏขึ้น พระองค์จึงทรงรับสั่งให้ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพ เป็นจอมทัพไปปราบกบฏ เมื่อเสร็จศึกแล้วจึงได้อัญเชิญพระเสริม พระสุก พระใส มาฝั่งไทย
...ขณะอัญเชิญ พระเสริม พระสุก พระใส ข้ามโขงมายังฝั่งไทย ล่องมาตามลำน้ำงึม
(แม่น้ำงึมใหญ่ที่สุดในประเทศลาว ไหลลงสู่แม่น้ำโขง) เมื่อมาถึงปากน้ำงึม ตรงข้าม บ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้แพเสียการทรงตัว และแท่นพระสุก ได้จมน้ำ
...และเมื่อขบวนอัญเชิญ มาอีกไม่ไกล แพอัญเชิญองค์พระสุกแตก และพระสุกจมลงยังแม่น้ำโขง ...ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่า
พญานาคมารับองค์พระสุกไปบูชา ชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ว่าเวินพระสุก เป็นเวินน้ำวนขนาดใหญ่
และบริเวณนี้ก็มีบั้งไฟพญานาคปรากฏให้เห็น
(เรื่องราวของพระสุก ในปัจจุบัน ที่มีการยืนยัน อ่านต่อได้ที่นี่ http://www.dmc.tv/pages/scoop/bangfai_payanaka4.html
หรือ http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=1354
เวินพระสุก กับปริศนาใต้ลำน้ำโขง มีการกล่าวถึงพระราชธิดา 2 พระองค์ของเจ้าไชยเชษฐาธิราช และมีเหตุการณ์ไม่นานมานี้ในการ
อัญเชิญพระสุก ขึ้นจากเวินพระสุก บริเวณ บ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย เชิญขึ้นมาได้ครึ่งองค์พระ และจมกลับลงไป)
...มาเล่ากันต่อครับ ในปี 2536 ชาวหนองคาย ได้ประกอบพิธีบวงสรวง อัญเชิญพระพุทธคุณ หลวงพ่อพระสุก และ
เททองหล่อหลวงพ่อพระสุกจำลอง ประดิษฐานไว้วัดหลวง อ.โพนพิสัย ภายในเจดีย์ที่ประดิษฐานพระสุกจำลอง
มีน้ำไหลออกมาจากปล่องเพดานตลอดปี เมื่อให้คนทรงมาดู พบว่าเป็นมีพญานาค นำหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากใต้บาดาล
มาบูชาองค์พระสุก
...สำหรับ พระเสริมและพระใส ได้อัญเชิญมาไว้ยังเมืองหนองคาย ต่อมา สมัยรัชกาลที่ 4 ได้โปรดให้อัญเชิญพระเสริม และพระใส
มาไว้ที่กรุงเทพ แต่ขบวนเกวียนที่อัญเชิญพระใส จากวัดหอก่อง เมื่อมาถึงวัดโพธิ์ชัย เกวียนไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ และได้หักในที่สุด แม้จะนำเกวียนมาเปลี่ยนใหม่ ก็ไม่สามารถเดินทางต่อได้ ..จึงประดิษฐานพระใส ไว้ยังวัดโพธิ์ชัย
...สำหรับพระเสริม ปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ที่ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพ จนถึงปัจจุบัน
...ชาวเมืองหนองคาย ได้เคารพศรัทธา หลวงพ่อพระใสอย่างมาก และในเทศกาลวันสงกรานต์ จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อพระใส
แห่รอบเมือง เพื่อให้ประชาชนสักการะบูชา และสรงน้ำขอพร และว่ากันว่า จะมีฝนตกทุกปีในขณะที่แห่สักการะบูชา
สรุปการท่องเที่ยวที่น่าสนใจในตัวเมือง กรณีไปถึงช่วงเช้าของวันดูบั้งไฟพญานาค
1. เที่ยวตลาดอินโดจีน ที่ท่าเสด็จ
2. ไหว้ศาลเจ้าแม่สองนาง ริมน้ำโขง วัดหายโศก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
3. ไหว้พระธาตุกลางน้ำ จ.หนองคาย อ.เมืองหนองคาย
บริเวณริมฝั่งโขง ทิศตรงข้ามกับศาลเจ้าแม่สองนาง อยู่บริเวณ ท่าน้ำวัดสิริมหากัจจายน์
-----กำหนดการน่าสนใจ-----
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2552 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11)
เวลา 08.00 – 09.00 น. - พิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนาง ณ บริเวณท่าน้ำวัดหายโศก
เวลา 10.00 – 11.00 น. - พิธีบวงสรวงพระธาตุกลางน้ำ ณ บริเวณท่าน้ำวัดสิริมหากัจจายน์
------------------------------
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
จากแผนที่ ลองคลิกที่ เมนูเขียนว่า แผนที่ ดูนะครับ จะพบวัดสิริมหากัจจายน์
(พระธาตุหนองคาย หรือ พระธาตุกลางน้ำ เดิมชื่อพระธาตุหล้าหนอง เป็นพระธาตุที่หักพังอยู่กลางลำน้ำโขง ห่างจากชายฝั่งปัจจุบันประมาณ 180 เมตร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุฝ่าพระบาทเก้าพระองค์ตามตำนานอุรังคธาตุ (พระพนม) จากการสำรวจใต้น้ำของหน่วยโบราณคดีภาค 7 พบว่าองค์พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 17.2 เมตร ย่อมุมที่ฐาน และมีความสูงประมาณ 28.5 เมตร หักออกเป็น 3 ท่อน สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 20–22 เนื่องจากมีรูปร่างคล้ายพระธาตุบังพวนมากที่สุด หนังสือประชุมพงศาวดารภาค 70 บันทึกไว้ว่า “พระธาตุเมืองหนองคายได้เพ (พัง) เมื่อวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปีพุทธศักราช 2390” และตลิ่งได้ถูกน้ำเซาะจนมองเห็นพระธาตุอยู่เกือบกึ่งกลางลำน้ำโขงในปัจจุบัน
พระธาตุหล้าหนองยังคงเป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคาย ชาวบ้านได้จัดงานประเพณีเกี่ยวกับพระธาตุทุกปี นอกจากนี้ทางจังหวัดหนองคายได้ก่อสร้างพระธาตุหล้าหนององค์จำลองสูง 15 เมตรขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยบรรจุชิ้นส่วนพระธาตุองค์จริงอยู่ภายใน
ข้อมูลจาก http://www.tat.or.th/northeast05/travelplacedet.asp?prov_id=43&id=2936&dept_id=18 )
4. ไหว้หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย
อยู่ในตัวเมืองหนองคายครับ หาไม่ยาก
(ที่ต้องนำเสนอประวัติยาว เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวที่มา จะได้ไม่พลาดการสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ครับ)
ออกจาก อ.เมืองหนองคาย เลี้ยวซ้าย มาทาง อ.โพนพิสัย เพียง 3 กม. จะพบศาลาแก้วกู่
5.ศาลาแก้วกู่ อุทยานเทวาลัย ขนาดใหญ่ อลังการงานสร้าง และความศรัทธา
ห่าง 3 ก.ม. จากตัวเมืองหนองคาย เส้นทางไป อ.โพนพิสัย ...ผมได้ทำข้อมูลไว้อย่างละเอียด เข้าดูได้ที่
http://sala-saeoku.blogspot.com
หลังจากเที่ยวชมศาลาแก้วกู่ ก็มุ่งหน้าไป อ.โพนพิสัย หรือ กิ่ง อ.รัตนวาปี หรือตามแต่จะวางแผนไปดูกันนะครับ
6. ก่อนถึง อ.โพนพิสัย จะถึงวัดหลวง อย่าลืมไหว้สักการะ พระสุกจำลอง ที่วัดหลวงเจดิยาราม ชมความมหัศจรรย์ของน้ำหยด
ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี ว่ากันว่าเป็นน้ำที่พญานาค นำมาสักการะหลวงพ่อพระสุก
...รายละเอียดการท่องเที่ยว ซึ่งนักปั่นจักรยานได้ทำไว้ ดูได้ตั้งแต่ความเห็นที่ 20 นะครับ http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=197552&st=1
----------
ทั้งนี้ จังหวัดหนองคายได้จัดกำหนดการ วันออกพรรษา ตั้งแต่วันที่ 1-7 ตุลาคม 52 หากท่าน มีเวลาในการท่องเที่ยวมาก
ถ้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 3 ก็จะดีเลยทีเดียว เพราะจะได้ ชมการแสดงตำนานบั้งไฟพญานาค
วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2552 (ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11)
เวลา 18.00 – 23.00 น. - กิจกรรม ถนนอาหาร การแสดง ณ บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งจากท่าน้ำวัดลำดวน
ถึงท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง
เวลา 19.00 น. - การประกวดกระทงยักษ์ และการลอยเรือไฟบูชาพญานาค ณ บริเวณ
ริมแม่น้ำโขง จากท่าน้ำวัดลำดวน ถึง วัดสิริมหากัจจายน์
เวลา 19.30 น. - การแสดง แสง – เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค ณ บริเวณที่ราชพัสดุ
ข้างวัดลำดวน วันสุดท้าย
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2552 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11)
เวลา 08.00 – 09.00 น. - พิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนาง ณ บริเวณท่าน้ำวัดหายโศก
เวลา 10.00 – 11.00 น. - พิธีบวงสรวงพระธาตุกลางน้ำ ณ บริเวณท่าน้ำวัดสิริมหากัจจายน์
เวลา 08.00 – 16.30 น. - การประกวดปราสาทผึ้งแบบดั้งเดิมจากคุ้มวัด ,ชุมชนต่าง ๆ ณ บริเวณ
วัดหายโศก เสร็จแล้วถวายเจ้าแม่สองนาง และเคลื่อนขบวนปราสาทผึ้ง
เพื่อถวายพระธาตุกลางน้ำ ณ บริเวณท่าน้ำวัดสิริมหากัจจายน์
เวลา 09.00 – 18.00 น. - การแข่งขันเรือยาว ประเภท ค. งานประเพณีออกพรรษา ประจำปี 2552
จากท่าน้ำวัดโพธิ์ชัย ถึงท่าน้ำวัดสิริมาหากัจจายน์
เวลา 18.00 – 23.00 น. - กิจกรรม ถนนอาหาร การแสดง ณ บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งจากท่าน้ำ
วัดลำดวน ถึง ท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง
เวลา 18.00 น. - การลอยกระทงวันเพ็ญ เดือน 11 ณ บริเวณท่าน้ำเขตเทศบาล
เวลา 19.00 น. - การประกวด / การแสดงบนเวที ณ บริเวณที่ราชพัสดุข้างวัดลำดวน
- การประกวดกระทงยักษ์ ณ บริเวณริมน้ำโขง จากท่าน้ำวัดลำดวน
ถึงวัดสิริมหากัจจายน์
- การลอยกระทงสาย เริ่มต้นจากท่าน้ำวัดมีชัย
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2552 (แรม 1 ค่ำ เดือน 11)
เวลา 06.00 น.. - การตักบาตรเทโวโรหนะ แบ่งเป็น 4 สาย คือ
สายที่ 1 จากวัดสิริมหากัจจายน์ ถึง วัดอุดมมหาวัน
สายที่ 2 จากวัดโพธิ์ศรี ถึง วัดยอดแก้ว
สายที่ 3 จากวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ ถึง วัดศรีคุณเมือง
สายที่ 4 จากวัดศรีเมือง ถึง วัดชัยพร
เวลา 09.00 – 18.00 น. - การแข่งขันเรือยาวประเภท ข. งานประเพณีออกพรรษา ประจำปี 2552
จากท่าน้ำวัดโพธิ์ชัย ถึง ท่าน้ำวัดสิริมหากัจจายน์
เวลา 18.00 – 23.00 น. - กิจกรรม ถนนอาหาร การแสดง ณ บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งจากท่าน้ำวัดลำดวน
ถึง ท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง
เวลา 19.00 น. - การประกวด / การแสดงบนเวที ณ บริเวณที่ราชพัสดุข้างวัดลำดวน
- การแสดงโชว์กระทงยักษ์ ณ บริเวณริมน้ำโขง จากท่าน้ำวัดลำดวน ถึง
วัดสิริมาหากัจจายน์
สำหรับกำหนดการทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค. 52
ดูได้ที่ http://bungfai-phayanak.blogspot.com/2009/09/52.html
0 comments:
Post a Comment